วัดโฝวกวงซัน

อัพเดทล่าสุด 5 ม.ค. 2565 01:20:21 น. เข้าชม 325 ครั้ง

ราคา ไม่ระบุ

รายละเอียดประกาศ

วัดโฝวกวงซัน” หรือ “สถาบันพุทธศาสนา เถรวาท-มหายาน” เป็นวัดสาขาจากไต้หวัน สถานที่แห่งนี้ได้ถูกออกแบบตามสถาปัตยกรรมของไต้หวัน เมื่อใครไปเยือนที่วัดนี้แล้วจะรู้สึกราวกับว่าเดินทางมายังไต้หวันกันทีเดียว

วัดโฝวกวงซัน วัดสาขาจากไต้หวัน
วัดโฝวกวงซัน วัดสาขาจากไต้หวัน

บริเวณประตูด้านหน้าทางเข้า
บริเวณประตูด้านหน้าทางเข้า

ความเป็นมาของ สถาบันพุทธศาสนา เถรวาท-มหายาน หรือ วัดโฝวกวงซัน เป็นวัดในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ก่อตั้งขึ้นภายใต้การนำของพระคุณเจ้า พระเถระซิงหวิน เมื่อ พ.ศ. 2510 ณ เมืองเกาสง ไต้หวัน มีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อเผยแผ่พุทธศาสนาให้แพร่หลายไปทั่วโลก โดยยึดหลักให้การศึกษาในการพัฒนาบุคคล สืบสานวัฒนธรรมในการประกาศพุทธธรรมคำสอน บำเพ็ญกุศลในการช่วยเหลือพัฒนาสังคม เน้นการปฏิบัติธรรมในการจรรโลงซึ่งจิตใจ โดยขยายการพัฒนาไปสู่ประเทศต่าง ๆ รวมทั้งประเทศไทยผ่านวัดสาขากว่า 200 แห่งทั่วโลก

ทางเข้าด้านในจะเป็นโถงรับรอง
ทางเข้าด้านในจะเป็นโถงรับรอง

ทางเข้าด้านในจะเป็นโถงรับรอง
ทางเข้าด้านในจะเป็นโถงรับรอง

ภายในวัดมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเทพหลายองค์ให้ไปกราบไหว้ขอพร เมื่อเดินเข้าไปบริเวณวัดจะเห็นประตูวัดขนาดใหญ่ นักท่องเที่ยวที่มายังแห่งนี้จะต้องไม่พลาดถ่ายรูปกับประตูสูงเด่น ด้านข้างมีพระศากยมุนีหยกขาวให้กราบไหว้ก่อนเดินเข้าไปด้านใน

ไมตรียกุมารสต ที่ประตูบรรพตทางด้านหน้า
ไมตรียกุมารสต ที่ประตูบรรพตทางด้านหน้า

เมื่อก้าวบันไดสู่ทางเข้าด้านในจะเป็นโถงรับรอง จะพบกับ “ไมตรียกุมารสต" (พระศรีอริยเมตไตรย 100 กุมาร) ซึ่งวัดในจีนมักจะประดิษฐานองค์พระศรีอริยเมตไตรยไว้ที่ประตูบรรพตทางด้านหน้า เนื่องจากด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของท่านนั้น เพื่อคอยต้อนรับพุทธศาสนิกชน รวมถึงเพื่อการอยู่รวมกันอย่างสงบสุข นำไปสู่โชคลาภความเจริญรุ่งเรือง

ท้าวจตุมหาราชา ผู้พิทักษ์รักษาคุ้มครอง
ท้าวจตุมหาราชา ผู้พิทักษ์รักษาคุ้มครอง

และบริเวณด้านข้างทั้งสองฝั่งคือ “ท้าวจตุมหาราชา” หรือเรียกกันว่า “มหาจตุวัชระ” โดยตามคติความเชื่อทางพระพุทธศาสนานั้น ทรงเป็นธรรมบาลผู้พิทักษ์รักษาคุ้มครอง ซึ่งตามคติทางพระพุทธศาสนานั้น ในจตุรทิศทรงมีธรรมบาลคอยพิทักษ์คุ้มครองรักษาอยู่โดยรอบ ซึ่งในพุทธวิหารตามวัดวาอาราม จะสร้างเป็นประติมากรรมขนาดใหญ่ ประดิษฐานไว้บริเวณประตูบรรพตทางเข้าเบื้องหน้า โดยแยกประดิษฐานอยู่ทางด้านซ้ายและด้านขวา

บรรยากาศโดยรอบดูกว้างขวางและงดงาม
บรรยากาศโดยรอบดูกว้างขวางและงดงาม

หลังจากเดินเข้าไปภายในวัด จะเห็นบรรยากาศโดยรอบดูกว้างขวางและงดงาม เพราะที่นี่ได้ออกแบบพุทธวิหารทั้งหมดเป็นศิลปะแบบจีน ประกอบไปด้วย วิหารกลาง วิหารพระอวโลกิเตศวร ห้องวิปัสสนา หอฉัน ห้องเรียนพุทธศาสนา ห้องประชุม เรือนรับรอง (ห้องพักของสาธุชน) หอพระไตรปิฎก (ห้องสมุด) เป็นต้น ทุกรายละเอียดของวัดถูกประดับตกแต่งได้อย่างสวยงาม เป็นการเดินชมวัดที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ ตื่นตาตื่นใจในทุกความยิ่งใหญ่และงดงาม

บรรยากาศโดยรอบดูกว้างขวางและงดงาม
บรรยากาศโดยรอบดูกว้างขวางและงดงาม

ด้านหน้าของวิหารกลางแกะสลักเป็นรูปมังกรสีขาว
ด้านหน้าของวิหารกลางแกะสลักเป็นรูปมังกรสีขาว

จากโถงรับรองเดินผ่านลานกว้างเพื่อมุ่งสู่วิหารกลาง ตั้งอยู่โดดเด่นเป็นศูนย์กลางของทุกสายตาของผู้มาเยือน ด้านหน้าของวิหารกลางแกะสลักเป็นรูปมังกรสีขาวอ่อนช้อยวิจิตรงดงาม ระหว่างเดินขึ้นไปยังด้านในจะมองเห็นเจ้าแม่กวนอิมสีทองอร่ามองค์ใหญ่อยู่ใกล้กับวิหารกลาง

ด้านในของวิหารกลางจะมีองค์พระ 3 องค์
ด้านในของวิหารกลางจะมีองค์พระ 3 องค์

ด้านในของวิหารกลางจะมีองค์พระ 3 องค์ เปรียบเสมือนเป็นองค์พระประธานของวิหารนี้ ริมผนังโดยรอบจะมีช่องขนาดต่างๆ วางองค์พระหลากหลายขนาดประดับอยู่ ส่วนริมผนังด้านนอกตกแต่งด้วยแผ่นกระเบื้อง ฐานวิหารเป็นเป็นหินแกะสลักรูปดอกไม้สวยงาม เมื่อเดินชมรอบวิหารจะพบกับวิหารพระกษิติครรภ์และวิหารพระศากยมุนีตั้งอยู่บริเวณด้านหลัง

ด้านในของวิหารกลางจะมีองค์พระ 3 องค์
ด้านในของวิหารกลางจะมีองค์พระ 3 องค์

ริมผนังภายในวิหารกลาง
ริมผนังภายในวิหารกลาง

วิหารพระกษิติครรภ์
วิหารพระกษิติครรภ์

นอกจากนี้ยังมีหอระฆัง (คัณฑฆระ) ซึ่งอารามที่มีขนาดใหญ่บางแห่งในจีน จะมีการหล่อสร้างระฆังให้มีขนาดใหญ่ และมีปริมาณน้ำหนักมาก โดยจะสร้างอาคารเพื่อสำหรับการแขวนระฆังขนาดใหญ่โดยเฉพาะ เรียกว่า หอระฆัง (คัณฑฆระ) โดยจะตั้งอยู่ทางด้านขวาของ “มหาวีระรัตนอุโบสถวิหาร” หากวัดหันหน้าไปทางทิศเหนือหรือทิศใต้ หอระฆังจะอยู่ทางทิศตะวันออก ส่วนหอกลองจะตั้งอยู่ทิศตะวันตก ซึ่งระฆังและกลองจึงถือเป็นเครื่องอุปกรณ์ดุริยางคธรรม ที่ใช้เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและเพื่อบอกกล่าวเวลา ตามช่วงขณะในกิจวัตรต่างๆ ของพระสงฆ์ในอาราม และบางครั้งเมื่อมีพระอาคันตุกเถระได้ธรรมยาตรามาเยือน ก็จะต้องมีการเคาะระฆังตีกลอง เพื่อความเป็นสิริมงคลถวายการต้อนรับที่ธรรมยาตรามาเยือน เป็นต้น

หอระฆัง โดยจะตั้งอยู่ทางด้านขวาของวิหารกลาง
หอระฆัง โดยจะตั้งอยู่ทางด้านขวาของวิหารกลาง


เจ้าแม่กวนอิมสีทองอร่ามองค์ใหญ่อยู่ใกล้กับวิหารกลาง
เจ้าแม่กวนอิมสีทองอร่ามองค์ใหญ่อยู่ใกล้กับวิหารกลาง

อีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ “วิหารพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์” หรือบริเวณองค์เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่สีทองตั้งสูงสง่างาม รวมถึงมีรูปปั้นเทพจีนประดับอยู่รอบๆ ภายในเป็นห้องแอร์ มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ตรงกลางวิหาร ทั้ง 4 ปาง ได้แก่ ปรางค์ประธานบุตร ปางประทานพร ปางประทานทรัพย์ และปางประธานโชคลาภ

รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ตรงกลางวิหาร ทั้ง 4 ปาง
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ตรงกลางวิหาร ทั้ง 4 ปาง

บริเวณด้านนอกของวิหารพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ จะประดับตกแต่งเป็นสวนสวยขนาดย่อม ให้ผู้มาเยือนได้มาเดินผ่อนคลายหรือถ่ายรูปกับบรรยากาศอันงดงามของบริเวณวัดไทยสไตล์ไต้หวันแห่งนี้

นับว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในกรุงเทพฯ ที่สวยงาม น่าไปเช็คอินในช่วงวันหยุด นอกจากเราจะได้สักการะสะสมบุญ ถ่ายรูปภาพสวยๆ แล้ว ยังได้ตื่นตาตื่นใจกับสถาปัตยกรรมที่งดงามโดยที่ไม่บินไปไกลถึงไต้หวันอีกด้วย

วิหารพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
วิหารพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์

ประตูบานใหญ่บริเวณทางเข้า
ประตูบานใหญ่บริเวณทางเข้า

วัดโฝวกวงซัน หรือ สถาบันพุทธศาสนา เถรวาท-มหายาน ตั้งอยู่ที่ 55 ถนนคู้บอน แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ เปิดทำการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2949-4733

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก  : https://mgronline.com/travel/detail/9630000097743

ประกาศ/โฆษณาอื่นๆ ของสมาชิกท่านนี้